ซึ่งการขุดบิทคอยน์ ทำเงินให้นักลงทุนได้จริง เพราะเมื่อเราแก้รหัสได้สำเร็จ ก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นเหรียญดิจิทัล สามารถนำไปแลกเป็นสกุลเงินหลักได้ ไม่ว่าจะเป็น ดอลลาร์ เยน หรือเงินบาท เพื่อใช้จ่ายจริงในชีวิตประจำวัน หรือใครจะนำเหรียญที่ขุดได้ ไปใช้กับร้านค้าที่รับชำระด้วยเหรียญดิจิทัลชนิดนั้น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน. ส่วนผลตอบแทนจะมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนเหรียญที่ขุดออกมาได้ ยิ่งเครื่องขุดมีกำลังแรงมากพอ ก็ยิ่งทำให้ขุดเหรียญออกมาจำนวนเยอะ ๆ ได้ในเวลาอันสั้น. แต่ก็มีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในช่วงนั้น ๆ เป็นปัจจัยที่กำหนดผลตอบแทนด้วยเช่นกัน. มีขั้นตอนอย่างไร Morrowind/ วิธีการขุดบิทคอยน์ สามารถแบ่ง ได้เป็น 2 แบบ คือ ขุดด้วยตัวเอง เป็นวิธีที่นักลงทุนซื้ออุปกรณ์มาขุดด้วยตัวเอง คือการนำคอมพิวเตอร์ เข้าไปช่วยระบบบิทคอยน์ทำงาน หรือที่เรียกกันว่า การขุดบิทคอยน์ ที่มีกระแสความนิยมในประเทศไทยขณะนี้. โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องแข่งประมวลผลการทำรายการให้ได้เร็วที่สุด ผู้ชนะจะได้รับบิทคอยน์เป็นค่าตอบแทน จนกว่าเหรียญที่ถูกกำหนดไว้ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญจะถูกสร้างขึ้นจนหมด ซึ่งปัจจุบันได้ถูกขุดออกมาแล้วกว่า 16 ล้านเหรียญ.
อีกทั้งการขุดบิทคอยน์แบบ Cloud Mining ยังง่ายกว่าการขุดด้วยตัวเองมาก เพียงแค่มีบัญชี Wallet เป็นของตัวเอง แล้วทำการสมัครสมาชิกกับเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการ เราก็สามารถเลือกซื้อกำลังขุดและชนิดเหรียญที่ต้องการขุดได้เลย อย่างไรก็ตาม การเช่าบริการขุดแบบ Cloud Mining ก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน ถ้าเลือกเหมืองที่ไม่ได้คุณภาพ ก็มีโอกาสที่จะโดนหลอก เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจลงทุน ควรจะเลือกเหมืองที่น่าไว้ใจ เชื่อถือได้ อาจจะลองหาผู้บริการในประเทศใช้ก่อน เพราะอย่างน้อยก็สามารถลดความเสี่ยงเรื่องการถูกโกงไปได้ระดับหนึ่ง และปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการหลายรายเลยที่น่าสนใจ. การแลกเปลี่ยนและอัตรา เมื่อขุดบิทคอยน์ออกมาได้แล้ว คราวนี้ก็มาถึงการแลกเปลี่ยน สามารถนำไปแลกเป็นเงินบาทได้กับเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการซื้อ-ขายเหรียญดิจิทัล เช่น, และ เป็นต้น โดยแต่ละแห่งมีค่าธรรมเนียมและอัตรารับซื้อที่ต่างกันไป อย่าง คิดค่าธรรมเนียม 1% ของการซื้อ-ขาย และไม่จำกัดปริมาณรับซื้อในแต่ละวัน หรือ มีค่าธรรมเนียม 1% ของการฝาก-ถอน และรับซื้อไม่เกิน 10 BTC/วัน. สำหรับราคาที่ได้รับจะเปลี่ยนแปลงตามกลไกตลาด ช่วงไหนมีความต้องการสูง มูลค่าของเหรียญก็ยิ่งมาก โดยเมื่อปลายปี 2560 ราคาบิทคอยน์เคยพุ่งไปถึง 20, 000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 680, 000 บาท.
ถึงตอนนี้หลายฝ่ายจะมองคล้าย ๆ กันว่าบิทคอยน์ไม่ใช่เหรียญดิจิทัลที่น่าลงทุนขุดอีกต่อไปแล้ว ด้วยความยากของรหัสที่มากขึ้นทุกวัน รวมถึงจำนวนเหรียญที่จำกัดไว้ 21 ล้านหน่วย ที่ตอนนี้เหลือให้เราขุดกันไม่ถึง 5 ล้านหน่วยแล้ว แต่ยังมีเหรียญดิจิทัลอีกมากมายที่น่าสนใจ เช่น Zcash, BitcoinGold, Sia และ BTC Cash ที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต และราคายังไม่สูงมาก นักลงทุนสามารถขุดเก็บไว้ แล้วค่อยขายในช่วงที่ราคาขึ้นได้ต่อนั่นเอง.
บล็อกเชน เป็น รายการบัญชีแบบสาธารณะที่บันทึกการซื้อขายบิตคอยน์. ทำสิ่งนี้โดยไม่ต้องพึ่งผู้มีอำนาจส่วนกลาง เพราะการรักษาสภาพบล็อกเชนทำโดยเครือข่ายของจุดต่อ (node) ที่รันซอฟต์แวร์บิตคอยน์. จุดต่อเครือข่ายสามารถตรวจสอบการซื้อขาย เพิ่มการซื้อขายไปบนรายการบัญชี จากนั้นเผยแพร่การเพิ่มรายการบัญชีเหล่านี้ไปยังจุดต่ออื่น ๆ บล็อกเชนเป็นฐานข้อมูลแบบกระจาย (distributed database) เพื่อการยืนยันอย่างอิสระของเชนของการเป็นเจ้าของบิตคอยน์ไม่ว่าจะจำนวนเท่าใด. แต่ละจุดต่อเครือข่ายจัดเก็บสำเนาบล็อกเชนของตนเอง ประมาณ 6 ครั้งต่อชั่วโมง กลุ่มใหม่ของการซื้อขายที่ถูกยอมรับหรือที่เรียกว่าบล็อกถูกสร้างขึ้น เพิ่มเข้าไปในบล็อกเชน และเผยแพร่ไปยังจุดต่อทั้งหมดอย่างรวดเร็ว. สิ่งนี้ทำให้ซอฟต์แวร์บิตคอยน์สามารถตัดสินเมื่อบิตคอยน์จำนวนที่กำหนดถูกใช้ และมีความสำคัญในการป้องกันการใช้ซ้อน (double-spending) ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีส่วนกลางคอยควบคุม. และในขณะที่รายการเดินบัญชีแบบดั้งเดิมบันทึกรายการซื้อขายของธนบัตรจริงหรือตั๋วสัญญาใช้เงิน บล็อกเชนเป็นที่เดียวที่บิตคอยน์สามารถมีอยู่ในรูปแบบของผลลัพธ์ที่ยังไม่ถูกใช้ในการซื้อขาย การขุดเหรียญ จึงเป็นเหมือนการแก้โจทย์สมการของระบบ บล็อกเชน ไปเรื่อย ๆ และจะมีความยากของการเข้ารหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ทำให้ต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลแรงมาก ๆ มาช่วยแก้รหัส ซึ่งแต่ละเหรียญดิจิทัลยังออกแบบการทำงานของอัลกอริทึมไม่เหมือนกัน ทำให้ต้องมีการประมวลผล และเลือกใช้อุปกรณ์ในการขุดที่เหมาะสมแตกต่างกันไป.
"บิทคอยน์" ช่วงที่ผ่านมา หลายคนคงได้ยินคำนี้กันมากขึ้น เพราะได้ตกเป็นกระแสจริงๆ ในโลกการเงินไซเบอร์ ที่มีคนจำนวนมากแห่กันไป "ขุดบิทคอยน์" จนราคาสูงขึ้นและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดทำให้การ์ดจอคอมพิวเตอร์ขาดตลาดกันเลยทีเดียว!
8 x 74. 5 x 8. 4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 190 กรัม หน้าจอขนาด 6. 5 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super AMOLED ในแบบ Infinity O Display ความละเอียดหน้าจอ: 2400x1080 หรือ WFHD+ อัตราส่วน 19. 3:9 ส่วนค่า Refresh Rate 120Hz รองรับการแสดงผล HDR10+ กระจกหน้าจอ: Gorilla Glass 6 มาตรฐานการกันน้ำ IP68 ชิปเซ็ต: Exynos 990 Octa Core | GPU Mali G77 (4G) / Snapdragon 865 | Adreno 650 (5G) RAM: 6GB ความจำในตัว:128 / 256GB เพิ่มความจำผ่าน microSD ได้ ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบด้วย One UI 2. 5 การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5. 0 NFC และรองรับ USB-C เวอร์ชั่น 3. 2 รองรับ eSIM และ Nano SIM ระบบเสียง ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง ปรับจูนโดย AKG กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เลนส์ขนาดDual Pixel AF LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30/60 FPS, Full HD 30/60, Slowmotion สูงสุด 960 FPS (720P), Hyperlapse (Timelaspe แบบปรับความเร็วอัตโนมัติ) กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.
ลักษณะนี้คล้าย ๆ กับการที่เราเข้าไปขุดทองในเหมือง แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบมาทำในระบบคอมพิวเตอร์แทน โดยจะต้องนำคอมพิวเตอร์ของเราไปเป็นเซิร์ฟเวอร์ให้ระบบบิทคอยน์ใช้ในการเก็บธุรกรรมต่าง ๆ จึงจะได้รับค่าตอบแทนคือเงินบิทคอยน์ แต่การจะได้ค่าตอบแทนนั้นจะต้องแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ให้ได้ ซึ่งต้องแข่งกับคนอื่น ถ้าทำสำเร็จเราก็จะเป็นเจ้าของบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการขุดนั่นเอง. คอมพิวเตอร์ของใครแรงกว่าก็จะมีโอกาสแก้สมการได้เร็วกว่า ส่วนจำนวนเงินที่ได้จากการขุดถูกกำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งช่วงแรกจะได้ครั้งละ 50 BTC โดยจำนวนเงินที่ได้จะค่อย ๆ ลดลงทุก 4 ปี ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ครั้งละ 25 BTC เท่านั้น. โดยมีขั้นตอนการขุดคือ จัดสเปคคอมพิวเตอร์ให้พร้อมสำหรับการขุด ควรมี RAM ที่หน่วยความจำเกิน 4 GB ขึ้นไป, Mainboard รุ่นที่ใส่การ์ดจอได้เยอะ ๆ ตั้งแต่ 6 GPU ขึ้นไป, การ์ดจอ ยิ่งรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง ยิ่งคุ้มค่าไฟเท่านั้น สมัครกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ (Wallet) ที่เป็นตัวกลางในการเก็บเงินดิจิทัลเอาไว้ หน้าที่เหมือนบัญชีธนาคารที่คอยเก็บเงินเอาไว้ให้ สำหรับเว็บไซต์สมัคร.