ตัดลูกกล้วยออกจากขั้ว ล้างเปลือกให้สะอาด เรียงกล้วยลงในหม้อ ใส่ใบเตยและเกลือ เติมน้ำเปล่าให้ท่วมกล้วย ปิดฝา เปิดไฟกลางต้มจนกล้วยสุกประมาณ 20-30 นาที สังเกตจากเปลือกกล้วยปริออก 2. ตักกล้วยออกจากน้ำ พักให้เย็น ปอกเปลือกหั่นชิ้นหรือหั่นตามยาว กินเปล่า ๆ หรือโรยน้ำตาลทรายหรือมะพร้าวอ่อนขูดตามชอบ 3. กล้วยต้ม (สูตรน้ำเกลือกับน้ำเย็น) กล้วยต้มสูตรนี้ต้มทั้งเปลือกด้วยน้ำเกลือประมาณ 10 นาที แล้วจับแช่น้ำเย็น เสร็จแล้วปอกเปลือกเอาไปนึ่งอีกครึ่งชั่วโมง รับรองความเหนียวหนึบและผิวกล้วยเรียบสวยค่ะ 1. ตัดลูกกล้วยออกจากขั้ว ล้างเปลือกให้สะอาด 2. ต้มน้ำกับเกลือให้เดือด ใส่กล้วยลงไปต้มประมาณ 10 นาที หรือจนเปลือกกล้วยปริออก 3. ตักกล้วยแช่ลงในน้ำเย็นจัด พักไว้จนกล้วยเย็นตัวลงแล้วปอกเปลือก 4. ตั้งซึ้งนึ่งรอน้ำเดือด ใส่กล้วยน้ำว้าลงไปนึ่งประมาณ 30 นาที หั่นกล้วยตามชอบ
บำรุงสายตา กล้วยหอมพกมาทั้งวิตามินเอ และเบต้า-แคโรทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อสุขภาพดวงตา มีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของระบบประสาทตา จึงสามารถบำรุงสายตาและการมองเห็นได้เป็นอย่างดี 5. แก้ท้องผูก ไฟเบอร์ที่มีอยู่ในกล้วยหอมเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งดีต่อระบบขับถ่ายของเรามากเลยทีเดียว ดังนั้นใครมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ลองกินกล้วยหอมให้ได้ทุกวัน วันละ 1 ลูก ก็น่าจะช่วยแก้ท้องผูกให้คุณได้ 6. ช่วยเติมพลังให้ร่างกาย บทบาทนี้ของกล้วยหอมต้องยกความดีความชอบให้กับวิตามินซีเลยค่ะ เพราะวิตามินซีมีส่วนสำคัญต่อกระบวนการผลิตพลังงานของร่างกาย ฉะนั้นใครอยากเติมพลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า กล้วยหอมสักลูกก็ช่วยได้ โดยเฉพาะหากกินกล้วยหอมก่อนออกกำลังกาย ก็จะช่วยให้อึดขึ้นด้วย 7. แก้นอนไม่หลับ กินกล้วยหอมก่อนนอนก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้นอนไม่หลับได้ค่ะ เพราะกล้วยหอมอุดมไปด้วยกรดอะมิโนและทริปโตเฟน สารประกอบสำคัญของการสร้างเซโรโทนิน ฮอร์โมนในร่างกายที่ช่วยให้หลับง่ายขึ้น ดังนั้นใครมีอาการนอนหลับกระสับกระส่าย นอนไม่หลับบ่อย ๆ แนะนำให้กินกล้วยหอมหลังมื้อเย็นแล้วค่อยอาบน้ำนอน 8. ช่วยย่อยอาหาร กากอาหารในกล้วยหอมจะช่วยให้การทำงานของระบบย่อยอาหารคล่องตัวมากขึ้น ยิ่งถ้ากินกล้วยหอมได้บ่อย ๆ ก็จะช่วยปรับจูนระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้เป็นปกติดี ชนิดที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่งยาช่วยย่อยกันอีกเลย 9.
กล้วยพร้อม! ชวนทำ เมนูกล้วยบวชชี ขนมไทยไอเดียเก๋ 7 สไตล์ อร่อยง่าย ๆ สมชื่อ กินกี่ครั้งก็ฟินไม่มีเบื่อ ใครกำลังมองหาวิธีทำขนมไทยสุดง่าย เชื่อว่าอันดับต้น ๆ ที่นึกถึงคงต้องเป็นวิธีทำกล้วยบวชชีแน่นอน วันว่างแบบนี้มาทำกินเองกันเลย กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 7 เมนูกล้วยบวชชี มีทั้งเมนูกล้วยบวชชีทำจากกล้วยน้ำว้าหรือจะดัดแปลงเป็นกล้วยไข่บวชชีหรือกล้วยบวชชีสาคูก็ไม่มีใครว่า ถ้าไม่กินกะทิก็ทำเป็นเมนูกล้วยบวชชีนมสด หรือจะทำเป็นไอศกรีมกล้วยบวชชีก็ยังได้ และเมนูเด็ดที่อยากให้ลองคือ กล้วยหอมบวชชีคาราเมลและกล้วยบวชพระ ไปซื้อกล้วยกันเลยเถอะเพื่อน 1. กล้วยบวชชี กล้วยน้ำว้าเยอะแยะกินไม่ทันแน่นอน แบ่งมาทำเมนูกล้วยบวชชีดีกว่า สูตรนี้กะทิหอมกลิ่นใบเตย มาพร้อมเคล็ดลับการต้มกล้วยไม่เละ ไม่ดำ รสชาติไม่ฝาด รับรองอร่อยจนคำสุดท้ายจ้า ส่วนผสม กล้วยบวชชี • กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี • หางกะทิ 500 มิลลิลิตร • ใบเตย 2 ใบ • น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ • น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ • เกลือปริมาณเล็กน้อย • หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร วิธีทำกล้วยบวชชี 1. ต้มกล้วยน้ำว้าในน้ำเดือด ประมาณ 3-5 นาที จนผิวกล้วยเริ่มแตกออก ตักขึ้น ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 2.
080 0998910 ครับ
งานกล้วย ๆ ไม่อยากให้พลาด กับเมนูกล้วยต้ม สูตรขนมไทยเหมาะกับคนลดน้ำหนักหรือคนรักสุขภาพ ทำไม่ยาก วัตถุดิบไม่เยอะ พ่วงเทคนิคต้มกล้วยให้อร่อยไม่ดำไม่ฝาด อย่างที่รู้กันดีว่า เมนูกล้วยน้ำว้า จับมาทำ ขนมไทย ได้หลากหลาย เช่น กล้วยบวชชี กล้วยทอด ขนมกล้วย เป็นต้น สำหรับใครที่กลัวอ้วนลองมาทำกล้วยต้มกันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำกล้วยต้ม มีทั้งสูตรน้ำปูนใสกับสูตรน้ำเกลือ รับรองอร่อยเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินจนลืมอิ่มกันเลยค่ะ 1. กล้วยต้ม (สูตรน้ำปูนใส) กล้วยต้มสูตรนี้แช่น้ำปูนใสผสมเกลือและน้ำเปล่าก่อนเอาไปนึ่งจนสุก เพื่อให้กล้วยอร่อยเคี้ยวหนึบและไม่ดำ รสชาติหวานธรรมชาติ ไม่มีความฝาดค่ะ ส่วนผสม กล้วยต้ม กล้วยน้ำว้าห่าม น้ำปูนใส น้ำสะอาด เกลือ วิธีทำกล้วยต้ม 1. นำน้ำปูนใสผสมกับน้ำสะอาดและเกลือ เตรียมไว้ 2. ปอกเปลือกกล้วยแล้วหั่นตามยาว ใส่ลงไปแช่ในน้ำปูนใสสักครู่ 3. ตั้งซึ้งนึ่งรอน้ำเดือด ใส่กล้วยน้ำว้าลงไปนึ่งประมาณ 30-35 นาที หรือจนกล้วยสุก กินเปล่า ๆ หรือโรยน้ำตาลทรายหรือมะพร้าวอ่อนขูดตามชอบ 2. กล้วยต้ม (สูตรน้ำเกลือ) กล้วยต้มสูตรนี้ง่ายมาก ๆ แค่ต้มกล้วยทั้งเปลือกด้วยน้ำเกลือจนสุก สังเกตว่าเปลือกกล้วยปริแตกออกมา พักให้คลายร้อนแล้วปอกเปลือกหั่นชิ้นตามชอบ รับรองความหนึบหวานอร่อยค่ะ ใบเตย 1.
รักษาโรค โลหิตจาง เนื่องจากกล้วยน้ำว้าอุดมไปด้วยธาตุเหล็กสูง จึงช่วยในการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด ผู้ที่มีปัญหาโลหิตจางจึงสามารถรับประทานเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ 4. บรรเทาโรคกระเพาะอาหาร กล้วยน้ำว้าดิบมีฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ โดยจะออกฤทธิ์สมานแผลและช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อเมือกในกระเพาะ และยังช่วยลดอาการเสียดท้อง รวมถึงช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารด้วย ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือกระเพาะอักเสบ ควรรับประทานเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยรักษาแผลลำไส้ชนิดเรื้อรัง เพราะกล้วยน้ำว้านั้นมี มีเซโรโทนิน ซึ่งช่วยให้กระเพาะหลั่งเมือกมาปกคลุม ทำให้กรดไม่สามารถกัดกะเพราะได้ 5. แก้อาการท้องเสีย กล้วยน้ำว้าอุดมไปด้วยสารแทนนิน ซึ่งมีส่วนช่วยรักษาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่รุนแรง (แทนนินทำให้ท้องผูก) 6. ช่วยชะลอความแก่ สารต้านอนุมูลอิสระที่อุดมอยู่ในกล้วยน้ำว้ามีส่วนช่วยชะลอความแก่ได้ ดังนั้นผู้ที่อยากชะลอวัยให้ผิวพรรณยังแลดูอ่อนเยาว์ ควรรับประทานเป็นประจำ 7.
ใส่น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงลงไปในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน หมั่นคนให้น้ำตาลละลายเป็นคาราเมล ปิดเตา รีบเทครีมลงไปโดยที่ยังไม่ต้องคนผสมกัน รอสักครู่ ใช้พายไม้ขูดเอาคาราเมลส่วนที่แข็ง ๆ เป็นก้อนออกมา เพื่อไม่ให้หวานข้นจนเกินไป 3. เติมนมสดและกลิ่นวานิลลาลงไป หากชอบหวานมากเติมน้ำตาลทรายไป 2 ช้อนชา เติมเกลือลงไป คนผสมให้เข้ากัน 4. เติมกล้วยที่เตรียมไว้ลงไป ต้มประมาณ 15 นาทีจนสุก ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กล้วยหอมบวชชี สูตรนมสดหอมคาราเมล เมนูแปลกแต่กินได้ อร่อยล้ำไม่ซ้ำเดิม ++++++++++++++++++++ 5. กล้วยบวชพระ กล้วยน้ำว้านอกจากเอามาทำเมนูกล้วยบวชชีได้แล้วยังดัดแปลงทำเป็นเมนูกล้วยบวชพระ สูตรจาก เฟซบุ๊ก เมนูดีที่บ้าน "บ. บวม" เป็นเมนูต่อยอดมาจากกล้วยบวชชี โดยนำน้ำกะทิของกล้วยบวชชีมาปั่นรวมกับฟักทองนึ่ง สีเหลืองทองน่าหม่ำเหมือนกันนะเนี่ย ส่วนผสม กล้วยบวชพระ • ฟักทอง (ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นใหญ่) 500 กรัม • กล้วยน้ำว้าห่าม 8 ลูก • กะทิกล่อง 800 มิลลิลิตร • น้ำตาลมะพร้าว 2-3 ช้อนโต๊ะ • เกลือ วิธีทำกล้วยบวชพระ 1. นำฟักทองไปนึ่งประมาณ 15 นาที นึ่งเสร็จแล้วนำไปใส่ในโถปั่นรอไว้ 2. หั่นกล้วยส่วนหัวและท้ายทิ้งไม่ต้องปอกเปลือก ผ่า 4 ส่วน แช่น้ำไว้ก่อนป้องกันกล้วยดำ 3.
มันเทศเป็นผักที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารที่สามารถรับประทานคู่กับอาหารได้หลากหลาย มันเทศมีแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิดทั้งแคลเซียม เบต้าแคโรทีน และวิตามินซี คุณจะต้มมันเทศก่อนรับประทานก็ได้ คุณจะปอกเปลือกก่อนค่อยต้มหรือต้มทั้งเปลือกเลยก็ได้ คุณสามารถรับประทานมันเทศต้มคู่กับอาหารต่างๆ ได้หลากหลายเลยที่เดียว วิธีการ 1 ของ 3: ปอกเปลือกมันเทศก่อนแล้วค่อยต้ม 1 ล้างมันเทศ. คุณควรล้างพืชผักก่อนนำมาปรุงอาหารเสมอ มันเทศเองก็ควรล้างก่อนเหมือนกัน ในการล้างมันเทศนั้นให้ล้างมันเทศจากน้ำไหลโดยการเปิดก๊อก ล้างสิ่งสกปรกหรือเศษต่างๆ ออกจากมันเทศ ผิวมันเทศต้องสะอาดหมดจดจึงจะนำไปต้มได้ [1] 2 ปอกเปลือกมันเทศ. คุณจะใช้มีดปอกเปลือกผักผลไม้หรือมีดผลไม้ปอกเปลือกมันเทศก็ได้ คุณควรใช้มีดหั่นหัวท้ายออกด้วย [2] ถ้าคุณมีปัญหาในการปอกเปลือกมันเทศ ให้ใช้แปรงผักผลไม้ถูก่อน วิธีนี้ทำให้เปลือกหลุดออกมาและทำให้ปอกง่ายขึ้น 3 เตรียมหม้อ. หาหม้อที่ใหญ่พอที่จะใส่มันเทศทั้งหมดลงไปในน้ำได้ หม้อจะต้องใหญ่พอที่จะวางมันเทศได้หลวมพอประมาณ ไม่อัดแน่นจนเกินไป และต้องเป็นหม้อที่มีฝาปิดด้วย [3] เมื่อคุณหาหม้อเหมาะๆ ได้แล้ว ให้เติมน้ำก๊อกลงไปในหม้อประมาณครึ่งหม้อ ใส่มันเทศลงไปในหม้อ น้ำจะต้องท่วมมันเทศ ถ้าไม่พอให้ใส่น้ำเพิ่ม ต้มน้ำให้เดือด 4 ต้มมันเทศทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วกลับมาดู.
ล้าง ข้าวเหนียว ผ่านน้ำสะอาดแล้วแช่น้ำไว้ 3 ชั่วโมง เทใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ 2. เตรียมใบตองและตอก โดยตัดใบตองนอกให้ได้ขนาด 5×5 นิ้ว ตัดใบตองในให้ได้ขนาด 3×3 นิ้ว เช็ดใบตองให้สะอาด ผึ่งแดดให้นิ่ม ซ้อนใบตองใบในบนใบนอก โดยวางสลับหัวท้ายด้านแข็งและด้านนิ่มของใบตอง เป็น 1 ชุด ทำไว้จนหมด จากนั้นฉีกตอกสำหรับมัดแช่น้ำให้นิ่ม 3. ผสม กะทิ น้ำตาล และเกลือเข้าด้วยกัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนจนเดือดใส่ ข้าวเหนียว ลงกวนพอแห้ง ยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น 4. ห่อ ข้าวต้มมัด โดยใช้มือจุ่มน้ำพอเปียก หยิบข้าวเหนียววางลงบนใบตอง ตามด้วยกล้วยน้ำว้า แล้วหยิบข้าวเหนียววางทับด้านบนอีกชั้น เกลี่ยข้าวเหนียวให้มิดกล้วย 5. โรยถั่วดำด้านบน พับริมใบตองซ้อนกัน จับหัวมุมให้เป็นมุมแหลม พับปลายใบตองเข้าหากันทั้งสองข้าง ทำเช่นนี้ 2 กลีบ นำมาประกบเข้าหากันใช้ตอกมัดหัวท้ายให้แน่น ทำจนหมดส่วนผสม นำไปนึ่งในลังถึงโดยใช้ไฟแรงประมาณ 25 – 30 นาที จนสุกดี พักไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ พลังงานต่อหนึ่งมัด 281. 48 กิโลแคลอรี โปรตีน 5. 63 กรัม ไขมัน 2. 30 กรัม คาร์โบไฮเดรต 59. 35 กรัม ไฟเบอร์ 3. 08 กรัม สูตร: H & C และธัญนันท์ อบถม หนังสือ "ขนมหวานไทย" สำนักพิมพ์ Amarin Cuisine เรียบเรียง: จุฑาภรณ์ เทพแพง ภาพ: อัศวิน นรินท์ชัยรังษี สไตล์: รามิล สิทธิมงคล สูตรขนมไทย แนะนำ ขนมชั้น สูตรขนมไทยรสหวานมัน ขนมถ้วย สูตรขนมไทยโบราณ รสหวานมัน ขนมน้ำดอกไม้ สูตรขนมไทยอร่อย ทำง่าย ไข่หงส์ลาวา สูตรขนมไทยไส้เยิ้มน่ากิน ขนมตาล สูตรขนมพื้นบ้าน รสหวานมัน ขนมเปียกปูน สูตรขนมโบราณ เนื้อหนึบหอมหวาน ฟักทองแกงบวด ถ้วยโปรดวันวาน แจกสูตร หน้าปลาแห้งแตงโม ตำรับบ้านบุนนาค เย็นฉ่ำใจคลายร้อนแบบโบราณ พาเที่ยวเมืองโบราณ เมืองมัลลิกา ร.
ศ. 124 เมืองแห่งวัฒนธรรมและวิถีชน รัชสมัยรัชกาลที่ 5