ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ [1] ฉบับที่ ๖๐/๒๕๕๗ เรื่อง ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่เพิ่มเติม เนื่องจากสถานการณ์ในบางพื้นที่ได้คลี่คลายลง และไม่ปรากฎแนวโน้มของการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ดังนั้น เพื่อเป็นมาตรการผ่อนคลายและบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน จึงให้ยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่ดังต่อไปนี้ ๑. จังหวัดกาญจนบุรี ๒. จังหวัดราชบุรี ๓. อำเภอเขาย้อย อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอท่ายาง อำเภอบ้านลาด อำเภอบ้านแหลม อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ๔. จังหวัดระยอง ๕. จังหวัดจันทบุรี ๖. อำเภอคลองใหญ่ อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ อำเภอแหลมงอบ อำเภอเกาะกูด และอำเภอเมือง จังหวัดตราด ๗. จังหวัดนครพนม ๘. จังหวัดสกลนคร ๙. จังหวัดร้อยเอ็ด ๑๐. จังหวัดเลย ๑๑. จังหวัดสุรินทร์ ๑๒. จังหวัดตาก ๑๓. จังหวัดสุโขทัย ๑๔. จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๑๕. จังหวัดอุตรดิตถ์ ๑๖. จังหวัดแพร่ ๑๗. จังหวัดน่าน ๑๘. อำเภอสะเดา และอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ๑๙. จังหวัดตรัง ๒๐.
พ. 2464 ซงพระกรุนาโปรดเกล้าฯ ไห้เปนปลัดบัญชาการกรมพระอัสวราช และได้รับพระราชทานยสไห้เปนหัวหมื่น ไนปีนี้ ส่วนการทหานนั้น เนื่องแต่ได้กลับเข้ารับราชการเปนปลัดบัญชาการกรมพระอัสวราช กะซวงกลาโหมจึงได้ออกคำสั่งไห้เปนนายทหานกองหนุน ไม่มีเบี้ยหวัดเบี้ยบำนาญ สังกัดกรมแสงสรรพาวุธ. พ. 2466 รับพระราชทานเงินเดือนเพิ่มขึ้นเปนเดือนละ 330 บาท. พ. 2468 ได้ออกจากราชการ รับพระราชทานบำนาญเดือนละ 176 บาท 75 สตางค์. ไนส่วนสังกัดราชการทางกะซวงกลาโหมนั้น ได้ย้ายมาหยู่ไหนสังกัดกรมพลาธิการทหานบกไน พ. 2470 ครั้นถึง พ. 2471 อายุเกินกำหนดประเภทนายทหานกองหนุน จึงเปนนายทหานนอกราชการ คงสังกัดกรมพลาธิการทหานบก แล้วเปลี่ยนจากสังกัดเดิมมาสังกัดกองบังคับการจังหวัดทหานบกกรุงเทพฯ ไน พ. 2478 ครั้นถึงวันที่ 1 เมสายน พ. 2476 เปนนายทหานพ้นราชการทหานเพราะอายุพ้นกำหนดนายทหานนอกราชการแล้ว. พันเอก พร้อม มิตรภักดี ได้ไปราชการทัพโดยตามสเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมหลวงประจักส์สิลปาคม เมื่อเปนข้าหลวงต่างพระองค์สำเหร็ดราชการเมืองอุดร ซึ่งขนะนั้น ได้มีกรนีพิพาทกับฝรั่งเสสเรื่องเขตแดน. นอกจากราชการประจำและราชการทัพแล้ว พันเอก พร้อม มิตรภักดี ได้ปติบัติราชการพิเสส คือ 1.
นางอนุรักษ์ บุญศล ส ส สกลนคร พรรคเพื่อไทย อภิปราย พ ร ก กู้เงิน 3 ฉบับ - YouTube
วันที่ ๒๔ กันยายน พ. ๓๔๕๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นปลัดมณฑลอุดร. วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ. ๒๔๕๓ ได้ไปเป็นผู้จัดการระงับปราบปรามพวกญวนที่คิดประทุษร้ายต่อประเทศฝรั่งเศสในเขตต์แขวงจังหวัดนครพนม สกลนคร. วันที่ ๑ เมษายน พ. ๒๔๕๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ในมณฑลอุดร ถึง พ. ๒๔๖๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นพระยาประเสริฐสุนทราศรัย ถือศักดินา ๓๐๐๐ ไร่ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ. ๒๔๖๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตราษ มณฑลจันทบุรี. ครั้นถึงวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ. ๒๔๖๗ รู้สึกตัวว่า ชรา พยาธิเบียดเบียฬ ร่างกายทุพพลภาพ ไม่สามารถที่จะรับราชการฉลองพระเดชพระคุณณตำแหน่งอันสำคัญนี้ได้ดังแต่ก่อนมา จึงได้กราบถวายบังคมลาจากราชการเพื่อพักผ่อนรักษาตัว ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต และพระราชทานเบี้ยบำนาญมาจนตลอดอายุ พระยาประเสริฐสุนทราศรัยได้พยายามรักษาตัวต่อมาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ. ๒๔๗๑ ให้มีอาการอ่อนเพลียลงทุกที ได้ให้พระยาเวชสิทธิ์พิลาศ พระยาอัศวินอำนวยเวช (หมอปัว) และพระวรสุนทโรสถ ตรวจเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์นั้น ปรากฎว่า เป็นโรคตับพิการ แม้แพทย์ได้พยายามรักษาเป็นลำดับมา อาการไม่ทุเลา มีแต่ทรงกับซุด จนถึง วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.