1936 และเจสซี่ โอเวนส์ ก็ได้เหรียญทองถึง 4 เหรียญในการแข่งขันในครั้งนั้น จนทำให้รองเท้า Dassler มียอดขายมากกว่า สองแสนคู่ต่อปี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งสองพี่น้องก็มีเรื่องหมางใจกัน กิจการของพวกเขาถูกแทรกแซงโดยทหาร และถูกสั่งให้ผลิตรองเท้าให้กับทหาร รูดิ พี่ชาย ถูกเรียกกลับไปประจำการที่กองทัพ เมื่อสงครามยุติลงในปี ค. 1948 ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องก็ถึงจุดแตกหัก รูดิแยกตัวออกไปตั้งโรงงานผลตรองเท้าและสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาชื่อ « Ruda » และเปลี่ยนมาเป็น « Puma » ในภายหลัง ส่วนแอดดิก็เปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก Dassler ให้กลายมาเป็น « Adidas » ซึ่งมาจากชื่อและนามสกุลของเขานั่นเอง ทั้งสองแบรนด์ Puma และ Adidas แข่งขันกันอย่างดุเดือดยาวนานนับ 60 ปี จนกระทั่งปี 2009 สงครามระหว่างทั้งสองแบรนด์ก็สิ้นสุดลงเมื่อทั้งคู่หันมาจับมือกันในการแข่งขันกีฬาขององค์กร One Day Peace ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อปี ค. 1949 ซึ่งถือว่าเป็นยุคแรกๆ ที่มีการผลิตรองเท้าของอดิดาส จะสังเกตุเห็นว่ารองเท้าของแอดดินั้น มีลักษณะเด่นไม่เหมือนใคร เนื่องจากพื้นของรองเท้านั้นมีลักษณะเป็นเดือยแหลมยื่นออกมาคล้ายๆ กับตะปู จนกลายเป็นจุดเด่นของรองเท้าอาดิดาสเลยก็ว่าได้ Mark Spitz นักกีฬาว่ายน้ำชาวอเมริกันที่กำลังชูรองเท้า Adidas รุ่น Gazelles ก่อนขึ้นรับเหรียญรางวัล ในปี ค.
นอกจากรูปลักษณ์รองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำของแบรนด์ Adidas แล้ว สัญลักษณ์โลโก้ของแบรนด์ก็เป็นที่สะดุดตาและน่าจดจำเช่นกัน ซึ่งหลายๆคนคงสงสัยว่าทำไม รองเท้า Adidas ถึงมีหลายโลโก้ ซึ่ง โลโก้Adidas ที่เเปลกตาก็มาจากความคิดของ อดอล์ฟซึ่งอยากออกแบบโลโก้ให้แบรนด์นั้นเป็นหนึ่งเดียวและเป็นที่จดจำของผู้คนไปแสนนาน โลโก้อย่างเป็นทางการก็ได้เกิดขึ้นมา โลโก้Adidas ตัวเเรกที่ออกมานั้นมีชื่อว่า The Three Strips ซึ่งเป็นของ Karhu Sport ซึ่งอดาล์ฟได้ไปซื้อมา ในราคา 1600 ยูโลเเละวิสกี้อีกสองขวด เเละนำโลโก้มาใช้ในเเบรนด์ Adidas อย่างถูกกฏหมาย ต่อมาในปี ค. ศ. 1971 ทางบริษัทได้ประกาศใช้ โลโก้Adidas เเบบใหม่อย่างเป็นทางการ ชื่อว่า The Trefoli ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับใบไม้สามใบและปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้กับคอลเล็คชั่นเสื้อผ้า รวมถึงรองเท้าที่ออกแบบโดย jereme Scoth และ Porsche Design ต่อมาในปี ค. 1990 ผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ ปีเตอร์ มัวร์ Peter Moore ได้ออกเเบบ โลโก้Adidas แบบใหม่ ชื่อว่าThe Triangle หรือ Adidas performance ซึ่งมีลักษณะเป็นเเถบเรียงคล้ายกับสามเหลี่ยม แต่หากมองดีๆจะคล้ายกับภูเขาเป็นการสื่อให้เห็นถึงความท้าทายในการไปถึงเป้าหมายของนักกีฬาแต่ละคนที่ต้องเอาชัยชนะมาให้ได้ และนำมาใช้ในสินค้าแบรนด์ซึ่งในปี ค.
Adidas Original สีฟ้า ก็คงเดิมเป็นไลน์คอลเลคชั่นเสื้อผ้าหรือแฟชั่น 3. แบบกลมๆ เรียกว่า Adidas NEO เป็นแบบที่เพิ่มขึ้นมาภายหลังภายใต้คอนเซปต์ "Live Your Style" เป็นแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับวัยรุ่น ที่มีการใส่ลูกเล่นสนุกสนาน น่ารัก สดใส ดูทันสมัยเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น 4. โลโก้สีเงิน คือ Adidas Silver เป็นสินค้าราคาสูง หรือสินค้ากลุ่ม High End เป็นแบบสุดท้ายที่เพิ่มขึ้นมา © Photo from Instagram: sonjaganzprivat ในปัจจุบันอดิดาสก็สามารถทำกำไรได้สูงมาตลอดโดยเฉพาะในปี ค. 2015 สามารถทำกำไรได้สูงถึง 650 ล้านดอลล่าสหรัฐหรือ 23, 640 ล้านบาทไทย จนมาถึงปัจจุบันแบรนด์นี้ก็ยังคงเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายอยู่ทั่วโลกและประเทศไทยของเราก็มีผู้คนมากมายที่นิยมสวมใส่แบรนด์นี้เช่นกัน นอกจากนี้แบรนด์ดังอย่าง Reebok และ Taylor-Made ที่เป็นที่รู้จักกันก็อยู่ภายใต้การบริหารของ Adidas Group นั่นเอง